จากนิสัย...สู่สำนวนไทยในปัจจุบัน
ในปัจจุบันเรามักจะพบเห็นถ้อยคำหรือสำนวนต่างๆมากมายทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์
รายการโทรทัศน์ และในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีผู้ให้ความหมายของสำนวนไว้แตกต่างกันดังนี้
(พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493: 166)
ได้ให้ความหมายของสำนวนไว้ว่า
“สำนวน น. ถ้อยคำที่เรียบเรียงโวหาร, บางทีก็ใช้ว่าสำนวนโวหาร;
คดี เช่น ปิดสำนวน: ถ้อยคำที่ไม่ถูกไวยากรณ์แต่รับใช้เป็นภาษาที่ถูกต้อง
การแสดงถ้อยคำออกมาเป็นข้อความพิเศษเฉพาะภาษาหนึ่งๆ หรือหนังสือแบบหนึ่งๆ; ลักษณะนามใช้เรียกข้อความรายหนึ่งๆ เช่นข้อความสำนวนหนึ่ง บทความ ๒ สำนวน”
สุจริต
เพียรชอบ (ม.ป.ป:
ย่อหน้าที่ 6) ไดให้คำจำกัดความของสำนวนว่า
“สำนวน หมายถึง ถ้อยคำในภาษาไทยที่ใช้พูดจาสื่อสารกันโดยมีความหมายเป็นนัย
กินความกว้างลึกซึ้ง มิไดแปล ความหมายตรงตัว
แต่เป็นวามหมายในเชิงอุปมาเปรียบเทียบ หมายรวมไปถึงคำคม คำพังเพย สุภาษิตและอาจรวมถึงโวหารต่างๆ
ด้วยก็ได”
สรุปสำนวนไทย
คือถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว
มีความหมายไม่ตรงตามตัวหรือมีความหมายอื่นแฝงอยู่ หรืออีกอย่างคือ สำนวน คือถ้อยคำ กลุ่มคำ หรือความที่เรียบเรียงขึ้นในเชิงอุปมาอุปมัยโดยมีนัยแฝงเร้นซ่อนอยู่อย่างลึกซึ้ง
ซึ่งสำนวนต่างๆมักเกิดขึ้นจากวัฒนธรรมประเพณี ธรรมชาติ และอุปนิสัยและความประพฤติส่วนตัว
ดิฉันจึงขอนำสำนวนที่เกี่ยวข้องกับอุปนิสัยและความประพฤติส่วนตัวมาขยายความต่อให้ทุกท่านเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
เพราะเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามนุษย์เรามีอุปนิสัยและความประพฤติส่วนตัวไม่เหมือนกันทั้งในด้านดีและไม่ดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
จึงทำให้เกิดสำนวนต่างๆขึ้นมากมาย
สำนวนที่เกี่ยวข้องกับอุปนิสัยส่วนตัว หมายถึง
สำนวนที่มีความหมายเกี่ยวกับนิสัยใจคอของบุคคลทั่วๆไป เช่น การพูด การคิด เป็นต้น
ดังตัวอย่างสำนวนต่อไปนี้
ลิ้นไม่มีกระดูก หมายถึง ก. พูดสับปลับ กลับกลอกเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่เดิมใช้แปรปากหลากคำ
เป็นสำนวนเกี่ยวกับการพูดหมายถึงพูดกลับกลอกไม่ยั่งยืน
เป็นสำนวนที่เก่าแก่ไพเราะสำนวนหนึ่งแต่ปัจจุบันไม่ได้ยินใครพูด
สมัยนี้มีสำนวนที่หมายถึงการพูดจากลับกลอกอยู่หลายสำนวนส่วนใหญ่จะเปรียบเทียบกับ
ลิ้น เช่น ลิ้นไม่มีกระดูก ลิ้นตวัดถึงใบหู และ ลิ้นตะกวด เป็นต้น
เต็มกลืน หมายถึง สุดกำลังที่จะเอาชนะได้ แต่เดิมใช้ เต็มกิน
สำนวนเต็มกินเป็นสำนวนที่เก่าแก่ที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก
กาญจนานาคพันธ์ (ม.ป.ป: หน้า 417) ได้อธิบายไว้ดังนี้
“เต็ม ที่ใช้ในสำนวนนี้มีความหมายแปลกไปอีกอย่างหนึ่งคือความหมายว่า
สุดกำลัง เต็มกิน หมายถึงสุดกำลังที่จะเอามากินได้
แปลว่าสุดกำลังที่จะเอาชนะได้ ส่วนสำนวนพวกนี้ก็มีเต็มปล้ำ ความหมายอย่างเดียวกัน เต็มกลืน หมายความว่า
กลืนไม่ลง” สำนวนเต็มกลืนมีความหมายโดยตรงว่า
กลืนไม่ลง แต่อาจจะมีความหมายโดยปริยายว่า สุดกำลังที่จะเอาชนะได้
เหมือนกับสำนวนเต็มกิน และเต็มปล้ำ
อกสั่นขวัญหาย
หมายความว่า
หวาดกลัว แต่เดิมใช้ อกเต้นเป็นตีปลา หมายถึง อกใจสั่น หวาดกลัวสุดขีด
สำนวนนี้นำปลามาเปรียบเทียบ เพราะเวลาที่ปลาถูกตีตัวปลาจะสั้นและดิ้น สำนวนนี้ปัจจุบันไม่ได้ยินใครใช้ พูดกันแต่ว่า อกสั่นขวัญหาย
หรือ อกสั่นขวัญแขวน

ความหมายอย่างเดียวกันแต่ไม่ได้เปรียบเทียบกับสิ่งอื่น
แต่กล่าวถึง ขวัญ ซึ่งถือกันว่าเป็นสิริมงคลที่ทุกคนมีอยู่ประจำตัว
แต่ถ้าคนตกใจขวัญก็จนออกจากตัวไป จึงพูดกันเป็นสำนวนว่า ขวัญหนี ขวัญเสีย
หมายถึงตกใจกลัว แต่บางทีก็พูดเป็นสำนวนคล้องจองกันว่า อกสั่นขวัญหาย หรือ อกสั่นขวัญแขวน
และที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสำนวนที่เกิดจากอุปนิสัยส่วนตัวของมนุษย์
ที่มาจากการพูดก็ดี ความคิดก็ดี
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเชื่อมโยงไปถึงความประพฤติของเรานั่นเอง
สำนวนเกี่ยวกับความประพฤติ
หมายถึงสำนวนที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับความประพฤติของแต่ละบุคคล เช่น
คนที่ทำตัวเกเรไม่ได้เรื่องหรือทำตัวแปลกกว่าคนอื่น เป็นต้น
ซึ่งได้แก่สำนวนต่อไปนี้
แก่แดด หมายความว่า
เด็กที่ทำตัวอวดรู้เป็นผู้ใหญ่ แต่เดิมใช้ แกแน
ซึ่งเป็นสำนวนแปลกที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่เมื่อดูความหมายแล้ว เหมือนกับสำนวน
แก่แดด ที่ใช้กันในปัจจุบันนี้คือ หมายถึงเด็กที่ทำตัวอวดรู้เป็นผู้ใหญ่
แสดงว่าสมัยก่อนสำนวนทั้งสองสำนวนนี้ใช้เป็นสำนวนตรงข้ามกันคือ สำนวน แกแน
ใช้เรียกเด็กที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ แต่ต่อมาสำนวน แก่แดด เปลี่ยนความหมายไป
หมายถึงเด็กที่ทำตัวอวดรู้เป็นผู้ใหญ่คนทั่วไปจึงนิยมใช้สำนวน แก่แดด
แทนสำนวน แกแน
ตะครุบกบ
หมายความว่า
หกล้ม
สำนวนเก่าที่แปลกอีกสำนวนหนึ่งคือ
เป่าฝุ่น ในปัจจุบันไม่มีใครใช้แล้ว ซึ่งสำนวน เป่าฝุ่น หมายถึง หกล้มหน้าคว่ำลงไปคลุกฝุ่นฟุ้ง
คนที่หกล้มแล้วลุกขึ้นมาต้องมีเป่าฝุ่นปละปัดฝุ่นที่ติดตามเสื้อผ้า
จึงเกิดสำนวนเป่าฝุ่นขึ้น
สำนวนที่หมายถึงหกล้มที่ใช้กันมานานและอีกสำนวนหนึ่งคือ
ตะครุบกบ หรือ จับกบ สำนวนนี้เน้นที่อาการหกล้มลงไป
ซึ่งมีลักษณะเหมือนคนที่ไล่ตะครุบกบ ปัจจุบันก็ใช้กันน้อย
แต่ก็ยังไม่มีสำนวนใหม่มาใช้แทน
รุ่มร่าม หมายความว่า รุ่มร่าม,
ไม่รัดกุม เดิมใช้
ออมครอม เป็นสำนวนเก่าแก่อีกสำนวนหนึ่งที่ไม่มีใครใช้แล้ว ซึ่งหมายถึง
รุ่มร่าม, ไม่รัดกุม ปัจจุบันใช้กันว่า รุ่มร่าม
จากเสียงคำว่า ออมครอม
ทำให้รู้สึกถึงความหมายได้ว่า อะไรที่ปกคลุมอยู่
เช่นถ้าเป็นเสื้อผ้าก็คงยาวรุ่มร่าม คำว่า ครอม อาจจะมีความหมายอย่างเดียวกับ กรอม
คือหมายถึง ปกหรือคลุมยาวลงมาจนเกินควร
จะเห็นได้ว่าสำนวนที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสำนวนที่เกิดจากอปุนิสัยและความประพฤติส่วนตัวของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น
การพูด ความคิด การนำพฤติกรรมรอบๆตัวมาเรียกเป็นสำนวน
และแต่ละสำนวนก็ล้วนแต่ใช้กันมายาวนาน
จนบางสำนวนเลิกใช้ไปแล้ว
เพราะฉะนั้นเราคนรุ่นใหม่ต้องใส่ใจและอนุรักษ์สำนวนไทยให้คงอยู่สืบต่อไป
ไขสิริปราโมช
ณ อยุธยา.
(๒๕๓๗). การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำและความหมายของสำนวนไทย
(พิมพ์ครั้ง
ที่๔). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดนัย
ไชยโยธา. (2551).
รู้รักษ์ภาษาไทย:สำนวนโวหาร. กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น